ชื่อวิทยาศาสตร์ :
ชื่อวงศ์ : XANTHORRHOEACEAE
ชื่อสามัญ : Star cactus, Barbados, Common Aloe, Jafferabad, Star
ชื่ออื่นๆ : –
ถิ่นกำเนิด :
แหล่งกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในชานฝั่งทะเลเมดิเตอร์ เรเนียน และบริเวณตอนใต้ของทวีปอาฟริกา พันธุ์ของว่านหางจระเข้มีมากมายกว่า 300 ชนิด ซึ่งมีทั้งพันธ์ที่มีขนาดใหญ่มากจนไปถึงพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายกับเข็ม เนื้อหนา และเนื้อในมีน้ำเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในช่วงฤดูหนาว ดอกจะมีสีต่างๆกัน เช่น เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์
คำว่า ” อะโล” ( Aloe ) เป็นภาษากรีซโบราณ หมายถึงว่านหางจระเข้ ซึ่งแผลงมาจาก คำว่า “Allal” มีความหมายว่า ฝาดหรือขม ในภาษายิว ฉะนั้นเมื่อผู้คนได้ยินชื่อนี้ ก็จะทำให้นึกถึงว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้เดิมเป็นพืชที่ขึ้นในเขตร้อนต่อมาได้ถูกนำไปแพร่พันธุ์ในยุโรปและเอเชีย และทุกวันนี้ทั่วโลกกำลังเกิดกระแสนิยมว่านหางจระเข้กันเป็นการใหญ่
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ไม้ล้มลุกทรงพุ่มรูปร่มพืชบกเปลือกลำต้นมีกราบหุ่มชนิดพิเศษสูง25 เชนติเมตรขนาดลำต้น3เชนติเมตร สูง 7 เชนติเมตรเป็น ลำต้นข้อปล้องสั้นใบ ขนาดใบกว้าง 5 เชนติเมตร ยาว 10 เชนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงเวียนรอบต้นใบหนาและยาวโคนใบใหญ่ส่วนปลายใบแหลมขอบใบเป็นหนามแหลมห่างกันแผ่นใบหนาสีเขียวมีจุดยาวสีเขียวอ่อนอวบน้ำข้างในเป็นวุ้นใสสีเขียวอ่อนดอกออกเป็นช่อกระจะที่ปลายยอดก้านช่อดอกยาวดอกสีแดงอมเหลืองโคมเชื่อมติดกันเป็นหลอดปลายแยกเป็น6 แฉกเรียงเป็น2 ชั้นรูปแตร
การขยายพันธุ์ :
แยกหน่อ
การใช้ประโยชน์ :
ใบ – รสเย็น ตำผสมสุรา พอกฝี
ต้น – รสเย็น ดองสุราดื่มขับน้ำคาวปลา
ใบใช้เป็นยาภายนอก รักษาแผลที่ถูกไฟไหม้ ปลูกไว้ประดับบ้านเรือน
การดื่มน้ำสกัดจากว่านหางจระเข้ ยังมีสรรพคุณดีต่อร่างกายมากมาย
ที่มา : https://sites.google.com/